10 สรรพคุณของสาหร่ายเกลียวทอง
สาหร่ายเกลียวทองหรือสไปรูลินา เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตได้ทั้งในสภาพน้ำจืดและน้ำเค็ม และถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารเสริมในรูปแบบต่างๆทั้งแบบเม็ดหรือผง เหมาะสำหรับผู้ที่รักและใส่ใจสุขภาพ เนื่องจากเป็น Superfoodที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายและมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ สาหร่ายเกลียวทองเป็นหนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เป็นสาหร่ายที่ไม่ใช่พืชแต่เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกไซยาโนแบคทีเรีย ผู้คนทั่วโลกบริโภคสาหร่ายเกลียวทองเพื่อคุณประโยชน์เป็นยามากกว่าเป็นอาหาร เพราะสาหร่ายเกลียวทองมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มระดับสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันช่วยต้านทานโรคต่างๆ ได้ และต่อไปนี้คือ 10 คุณประโยชน์หรือสรรพคุณของสาหร่ายเกลียวทองตามหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ผ่านการพิสูจน์และมีผลรับรองยืนยันทางวิทยาศาสตร์แล้ว

1.อุดมด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ
สาหร่ายเกลียวทองเป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม (1) เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกไซยาโนแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์เซลล์เดียวที่มักเรียกกันว่าสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว (2) แต่มีลักษณะเหมือนพืช เพราะไซยาโนแบคทีเรียสามารถผลิตพลังงานจากแสงแดดผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการสังเคราะห์ด้วยแสง
สาหร่ายเกลียวทองถูกใช้โดยชาวแอซเท็กโบราณ แต่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อ NASA เสนอว่าสามารถปลูกในอวกาศเพื่อให้นักบินอวกาศใช้งานได้ (3)(4)
สาหร่ายจิ๋วนี้เต็มไปด้วยสารอาหาร โดยผงสาหร่ายสไปรูลิน่าแห้ง 1 ช้อนโต๊ะหรือ 7 กรัมประกอบด้วย (5)
สาหร่ายเกลียวทองถูกใช้โดยชาวแอซเท็กโบราณ แต่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อ NASA เสนอว่าสามารถปลูกในอวกาศเพื่อให้นักบินอวกาศใช้งานได้ (3)(4)
สาหร่ายจิ๋วนี้เต็มไปด้วยสารอาหาร โดยผงสาหร่ายสไปรูลิน่าแห้ง 1 ช้อนโต๊ะหรือ 7 กรัมประกอบด้วย (5)
- โปรตีน : 4 ก.
- วิตามินบี: 14%
- ไรโบฟลาวิน: 20%
- ไนอาซิน: 6%
- ทองแดง: 47%
- เหล็ก: 11%
(อัตราต่อค่าการบริโภคต่อวัน)
นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียม โพแทสเซียม และแมงกานีสในปริมาณที่เหมาะสม และในปริมาณเดียวกันยังมีแคลอรี่เพียง 20 และคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 2 กรัม ที่สำคัญสาหร่ายเกลียวทองยังมีไขมันจำนวนเล็กน้อยประมาณ 1 กรัมต่อช้อนโต๊ะ (7 กรัม) รวมทั้งกรดไขมันโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ในอัตราส่วนประมาณ 1.5–1.0
โดยสรุปคือ สาหร่ายเกลียวทองเป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดหนึ่งที่เติบโตได้ทั้งในน้ำเกลือและน้ำจืด มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งโปรตีน ทองแดง และวิตามินบีที่ดีเยี่ยม

2.มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบอันทรงพลัง
ความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันอาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ของคุณและอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งและโรคอื่นๆ (7)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ (8) ส่วนประกอบออกฤทธิ์หลักเรียกว่า ไฟโคไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีสีน้ำเงินเป็นจุดเด่น (9) ไฟโคไซยานินสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและขัดขวางการผลิตโมเลกุลที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ให้สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ (10)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ (8) ส่วนประกอบออกฤทธิ์หลักเรียกว่า ไฟโคไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีสีน้ำเงินเป็นจุดเด่น (9) ไฟโคไซยานินสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและขัดขวางการผลิตโมเลกุลที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ให้สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ (10)
ความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันอาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ของคุณและอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งและโรคอื่นๆ (7)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ (8) ส่วนประกอบออกฤทธิ์หลักเรียกว่า ไฟโคไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีสีน้ำเงินเป็นจุดเด่น (9) ไฟโคไซยานินสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและขัดขวางการผลิตโมเลกุลที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ให้สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ (10)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ (8) ส่วนประกอบออกฤทธิ์หลักเรียกว่า ไฟโคไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีสีน้ำเงินเป็นจุดเด่น (9) ไฟโคไซยานินสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและขัดขวางการผลิตโมเลกุลที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ให้สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ (10)
โดยสรุปคือ ไฟโคไซยานินเป็นสารประกอบออกฤทธิ์หลักในสาหร่ายเกลียวทอง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ

3.ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
โรคหัวใจถือว่าเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (11) ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ จากผลการศึกษาค้นคว้าพบว่าสาหร่ายเกลียวทองส่งผลกระทบเชิงบวกต่อปัจจัยหลายประการเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น สามารถลดคอเลสเตอรอลรวม, คอเลสเตอรอล LDL (ที่ไม่ดี) และไตรกลีเซอไรด์ได้ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (ดี)อีกด้วย (12).
จากการตัวอย่างกรณีศึกษาหนึ่งพบว่า สาหร่ายเกลียวทองสามารถช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเผลาผลาญและดูดซึม และอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยสำคัญ (13) อีกหนึ่งกรณีศึกษา ในปี 2014 การศึกษาในผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง ระบุว่าการรับประทานสาหร่ายสไปรูลิน่า 1 กรัมต่อวัน ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ได้ 16.3% และลดคอเลสเตอรอล LDL ลง 10.1% (14)
โดยสรุปคือ จากการศึกษาพบว่าสาหร่ายเกลียวทองสามารถช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของหัวใจ

4.ปกป้องคอเลสเตอรอล LDL จากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน
การศึกษาหลายกรณีพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในสาหร่ายเกลียวทอง มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการลดการเกิดออกซิเดชันของไขมันอย่างน่าสนใจ (17, 18) ข้อเท็จจริง จากงานศึกษาเล็กๆชิ้นหนึ่งพบว่า ว่าการเสริมอาหารด้วยสาหร่ายเกลียวทอง สามารถช่วยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันที่เกิดจากการออกกำลังกาย การอักเสบ และความเสียหายของกล้ามเนื้อในผู้เล่นรักบี้ 17 คน (18)
โดยสรุปคือ โครงสร้างไขมันในร่างกายของเราสามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการลุกลามของโรคต่างๆ งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระในสาหร่ายเกลียวทองอาจสามารถช่วยป้องกันสิ่งนี้ได้

5.มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง
มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การเสริมสาหร่ายเกลียวทองมีประโยชน์ในการจัดการโรคซับเมือกในช่องปาก (OSMF) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคมะเร็งในปากชนิดหนึ่ง (21, 22) ในการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง ในปี 2013 กับบุคคล 40 รายที่มีรอยโรค OSMF พบว่าการให้สาหร่ายเกลียวทอง 1กรัมต่อวันช่วยให้อาการ OSMF ดีขึ้น ได้ดีกว่าการใช้เพนทอกซิฟิลลีน ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด(23)
สรุปคือ สาหร่ายเกลียวทองอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็งและมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรอยโรคที่เกิดจากมะเร็งในช่องปากบางประเภท อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม

6.ลดความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงถือเป็นสาเหตุหลักของภาวะร้ายแรงที่ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น อาการหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง (24) จากผลการศึกษา 5 ชิ้นงาน พบว่าการรับประทานสาหร่ายสไปรูลิน่า 1-8 กรัมต่อวันสามารถลดความดันโลหิต ทั้งค่าซิสโตลิกและค่าไดแอสโตลิกได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีระดับความดันโลหิตสูง (25)
การลดลงนี้เชื่อกันว่าเกิดจากการผลิตไนตริกออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโมเลกุลส่งสัญญาณที่ช่วยให้หลอดเลือดของคุณผ่อนคลายและขยายตัว (26).
สรุปคือ สาหร่ายเกลียวทองอาจเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์และลดระดับความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคเรื้อรังหลายชนิด

7.ช่วยให้อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ดีขึ้น
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มีลักษณะเฉพาะคือการอักเสบในโพรงจมูก มันถูกกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือแม้แต่ฝุ่นข้าวสาลี (27, 28)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นวิธีการรักษาทางเลือกยอดนิยมสำหรับอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และมีหลักฐานชี้ชัดว่าสาหร่ายเกลียวทองใช้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ (29)
สาหร่ายเกลียวทองเป็นวิธีการรักษาทางเลือกยอดนิยมสำหรับอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และมีหลักฐานชี้ชัดว่าสาหร่ายเกลียวทองใช้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ (29)
ตัวอย่างเช่น การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าสาหร่ายเกลียวทองมีประสิทธิภาพมากกว่ายาเซทิริซีน ซึ่งเป็นสารต่อต้านฮิสตามีนที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ เพื่อปรับปรุงอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และลดการอักเสบ (30) แต่ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
สรุปคือ อาหารเสริมสาหร่ายเกลียวทอง อาจมีผลต่อโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

8.ลดภาวะโรคโลหิตจาง
โรคโลหิตจางเป็นเรื่องปกติในผู้สูงอายุ ส่งผลให้รู้สึกอ่อนแอและเหนื่อยล้าอ่อนแรงเป็นเวลานาน (32) ในการศึกษาชิ้นหนึ่งในปี 2011 ในกลุ่มผู้สูงอายุ 40 รายที่มีประวัติโรคโลหิตจาง อาหารเสริมสาหร่ายสไปรูลิน่าชวยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงและปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน (33)
การศึกษาอื่นๆ ในสัตว์ทดลองยังพบว่าสาหร่ายเกลียวทองสามารถปรับปรุงระดับฮีโมโกลบินและบรรเทาอาการของโรคโลหิตจางได้ (34, 35, 36) อย่างไรก็ตาม ยังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับมนุษย์ให้มีคุณภาพกว่าเดิม
การศึกษาอื่นๆ ในสัตว์ทดลองยังพบว่าสาหร่ายเกลียวทองสามารถปรับปรุงระดับฮีโมโกลบินและบรรเทาอาการของโรคโลหิตจางได้ (34, 35, 36) อย่างไรก็ตาม ยังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับมนุษย์ให้มีคุณภาพกว่าเดิม
สรุปคือ การศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่าสาหร่ายเกลียวทองสามารถลดภาวะโลหิตจางในผู้สูงอายุได้ การศึกษาในสัตว์ทดลองบางชิ้นยังพบว่าสาหร่ายเกลียวทองอาจเป็นประโยชน์ต่อโรคโลหิตจาง แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

9.เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความอึด
ความเสียหายจากออกซิเดชั่นที่เกิดจากการออกกำลังกายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อเหนื่อยล้า (37) อาหารจากพืชบางชนิดมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยให้นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายลดความเสียหายนี้ได้ สาหร่ายเกลียวทองมีประโยชน์ เนื่องจากการศึกษาบางชิ้นชี้ว่ากล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและอึดมากขึ้น (38)
ในการศึกษาหนึ่ง พบว่าการเสริมสาหร่ายเกลียวทองหรือสไปรูลิน่า สามารถปรับปรุงการดูดซึมออกซิเจนระหว่างการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานแขน โดยนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าสามารถทำหน้าที่เป็นตัวช่วยตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกีฬา (39)
สรุปคือ สาหร่ายเกลียวทองมีประโยชน์ในการออกกำลังกายหลายประการ รวมถึงเพิ่มความอดทนและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

10.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
จากผลการศึกษา 8ชิ้น การเสริมสาหร่ายเกลียวทองในปริมาณตั้งแต่ 0.8-8 กรัมต่อวัน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อย่างมีนัยสำคัญ (42) แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร หรือระดับฮีโมโกลบิน A1c ซึ่งใช้ในการวัดการควบคุมน้ำตาลในเลือดในระยะยาว (42) จึงยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
สรุปคือหลักฐานบางอย่างชี้ให้เห็นว่าสาหร่ายเกลียวทองอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการลดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอย่างมีนัยสำคัญ และยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

ทำไมสาหร่ายเกลียวทอง หรือสไปรูลินา จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการปกป้องคุณจากโควิด 19 (Covid-19)

ผลลัพธ์ส่วนหนึ่งจากผู้ที่มีประสบการณ์ใช้สาหร่ายเกลียวทอง Best (Testimonials)


จากราคาปกติ
2650
บาท
เหลือเพียง
1999
บาทเท่านั้น
*สินค้าโปรโมชั่นจำนวนจำกัด
